โรค ถุงผนังลำไส้อักเสบ (Diverticulitis) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร

วันที่โพสต์:
feature-image-blurfeature-image

เขียนโดย

แชร์บทความ

share-optionshare-optionshare-optionshare-option

เจ็บท้องน้อยด้านซ้ายหรือขวา...ระวังถุงผนังลำไส้อักเสบ

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค

ในทางเดินทางของเราบางครั้งสามารถมีความผิดโดยจะมีกระเปาะเล็กๆอยู่บริเวณผนังลำไส้ได้เรียกว่าถุงผนังลำไส้ (Diverticula) คนที่มีถุงผนังลำไส้นี้จะไม่มีอาการอะไรในคนส่วนใหญ่ โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ คือการอักเสบของกระเปาะ บริเวณเยื่อบุลำไส้ใหญ่ที่ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องอย่างเฉียบพลันรุนแรง โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาด ทำได้เพียงควบคุมอาการ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและออกกำลังกาย บางรายอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้

อาการของโรค

อาการของโรคถุงผนังลำไส้อักเสบ สามารถเป็นไปได้ตั้งแต่ไม่มีอาการตามที่กล่าวข้างต้นจนถึงมีอาการรุนแรงก็ได้ อาจเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน หรือค่อย ๆ เกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน สังเกตได้ดังนี้

  • มีอาการกดเจ็บ หรือ ปวดเกร็งที่ท้องส่วนล่างบริเวณด้านซ้ายหรือด้านขวา โดยอาจปวดเรื้อรัง และ รุนแรง
  • มีไข้สูง หนาวสั่น
  • ท้องอืด
  • เบื่ออาหาร
  • ท้องผูก หรือ ท้องเสีย
  • รู้สึกคลื่นไส้ หรือ อาเจียน
  • เหนื่อย อ่อนเพลีย
  • อุจจาระปนเลือด หรือ มีเลือดออกทางทวารหนัก

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค

  • การตรวจเลือด เพื่อหาร่องรอยของการอักเสบ
  • การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ เพื่อตรวจดูความผิดปกติของลำไส้
  • การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) วิธีนี้ช่วยให้แพทย์เห็นภาพของระบบทางเดินอาหารทั้งหมด ในบางกรณีอาจทำร่วมกับการส่องกล้อง
  • การตรวจอัลตร้าซาวน์ทางหน้าท้อง (Abdominal ultrasound) เพื่อช่วยหาสาเหตุอื่นๆที่อาจเป็นไปได้

แนวทางการดูแลรักษา

การรักษาโรคถุงผนังลำไส้อักเสบขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการผู้ป่วย อาการเพียงเล็กน้อย แพทย์อาจจะให้การรักษาเพียงการให้ยาปฏิชีวนะ ร่วมกับการทานอาหารเป็นอาหารเหลวใสแทนในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อาการรุนแรง นอกจาการรักษาเบื้องต้นที่กล่าวไปแล้ว ผู้ป่วยอาจจะต้องนอนโรงพยาบาล และ งดน้ำงดอาหาร และ อาจจะมีความจำเป็นในการใส่สายเพื่อระบายการติดเชื้อในช่องท้องออกมา หรือ อาจจะต้องทำการผ่าตัดเอาส่วนที่มีการติดเชื้อออกมา

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

ศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก, กุมารแพทย์ ระบบทางเดินอาหาร กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี

ข้อควรระวัง

ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ทันที หากมีอาการผิดปกติรุนแรง ดังนี้

  • มีอาการปวดท้องรุนแรงกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อขยับตัวหรือไอ
  • อุจจาระปนเลือดมาก ผิดปกติ อุจจาระมีสีแดงหรือสีดำเนื่องจากมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร
  • มีลม หรือ อุจจาระออกมาจากท่อปัสสาวะในขณะปัสสาวะ ซึ่งเกิดจากการเชื่อมต่อกันอย่างผิดปกติระหว่างทางเดินปัสสาวะและทวารหนัก

ข้อมูลเพิ่มเติม

http://colorectalchula.com/wp-content/uploads/2017/07/ColoanalEmergency.pdf

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ริดสีดวงทวาร ที่มีภาวะแทรกซ้อน (Strangulated/Thrombosed Hemorrhoids)

ริดสีดวงทวาร ที่มีภาวะแทรกซ้อน (Strangulated/Thrombosed Hemorrhoids)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ริดสีดวงทวาร หมายถึง การมีกลุ่มของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่และที่ขอบรูทวารหนักโป่งพองและยื่นออกมา แบ่งเป็น 2 ชนิด 1. ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายใน หมายถึง ริดสีดวงทวารที่เกิดเหนือทวารหนักขึ้นไปตามปกติจะไม่โผล่ออกมาให้เห็น และ คลำไม่ได้และมักจะถูกคลุมด้วยเยื่อลำไส้ใหญ่ตอนปลายสุด จะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในขณะที่ยังไม่มีอาการแทรกซ้อน 2. ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายนอก หมายถึง ริดสีดวงที่เกิดขึ้นบริเวณปากรอยย่นของทวารหนัก สามารถมองเห็น และ คลำได้หลอดเลือดที่โป่งพ

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ไส้เลื่อนขาหนีบที่มีภาวะแทรกซ้อน (Complicated Inguinal Hernia)

ไส้เลื่อนขาหนีบที่มีภาวะแทรกซ้อน (Complicated Inguinal Hernia)

ไส้เลื่อนขาหนีบที่มีภาวะแทรกซ้อน คุณผู้ชายควรอ่านไว้ก่อน! ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ไส้เลื่อน (Hernia) คือ ภาวะที่ลำไส้เคลื่อนตัวออกมาจากตำแหน่งเดิม และทำให้เห็นเป็นลักษณะคล้ายก้อนตุง ซึ่งเกิดจากความอ่อนแอของผนังช่องท้องที่มีมาแต่กำเนิด หรือเกิดภายหลังเช่น จากการผ่าตัด ภาวะแรงดันที่มากผิดปกติภายในช่องท้อง เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ อาทิ เบ่งจากภาวะท้องผูก การไอหรือจาม การยกของหนัก โดยภาวะไส้เลื่อนสามารถแบ่งออกเป็นประเภทตามบริเวณตำแหน่งการเกิดโรคที่พบได้บ่อยดังนี้ * ไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ (Ingu

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ท้องผูก (Constipation (unspecified))

ท้องผูก (Constipation (unspecified))

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ท้องผูกเป็นปัญหาที่พบเจอได้ทั่วไป ซึ่งเป็นคำเรียกของการถ่ายอุจจาระยากกว่าปกติ รวมไปถึงอาการของ อุจจาระแข็งมากกว่าปกติ อุจจาระเล็กกว่าปกติ การถ่ายอุจจาระยากกว่าปกติ และการถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ สาเหตุของท้องผูกที่พบเจอได้บ่อยเช่น ผลข้างเคียงจากการทานยา, การรับประทานอาหารน้อยกว่าปกติ และ โรคทางระบบทางเดินอาหาร อาการของโรค อาการของท้องผูกคืออุจจาระแข็งมากกว่าปกติ อุจจาระเล็กกว่าปกติ การถ่ายอุจจาระยากกว่าปกติ และการถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ควรเฝ้าระว

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (Acute cholecystitis)

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (Acute cholecystitis)

ปวดท้องรุนแรง จุกเสียดแน่นท้องบริเวณลิ้นปี่ เสี่ยงถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ! ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ถุงน้ำดี คือ อวัยวะภายในร่างกาย อยู่บริเวณส่วนล่างของตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ไว้เก็บน้ำดีที่สร้างมาจากตับ โดยที่น้ำดีเป็นน้ำมีส่วนสำคัญในการช่วยย่อยไขมันที่เรารับประทานเข้าไปเพื่อสร้างเป็นพลังงานต่อไป หากเกิดการอุดตันของน้ำดี จะส่งผลให้ถุงน้ำดีบวม อักเสบ และ เกิดอาการปวดได้ การอุดตันของน้ำดีมักมีสาเหตุมาจากนิ่วอุดตันในท่อถุงน้ำดี รวมไปถึงปัญหาเกี่ยวกับท่อน้ำดีและเนื้องอกอื่น ๆ อาการของโรค

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • กระเพาะอาหารอักเสบ (Dyspepsia)

กระเพาะอาหารอักเสบ (Dyspepsia)

ปวดท้องตรงกลาง...เสี่ยงกระเพาะอาหารอักเสบติดเชื้อ? ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค กระเพาะอาหารอักเสบหรือโรคกระเพาะ เกิดจากการอักเสบ หรือ เกิดการระคายเคือง บริเวณเยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร สามารถเกิดขึ้นได้แบบเฉียบพลันในระยะเวลารวดเร็ว และ หายภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือ มีอาการบ่อยครั้งเป็นระยะเวลานานจนเกิดการอักเสบเรื้อรัง ทำให้เกิดแผล และ เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ โรคกระเพาะอาหารอักเสบยังไม่พบสาเหตุการเกิดโรคที่ชัดเจน แต่สันนิษฐานว่าอาจเกิดได้จาก 2 สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่ การ