ไข้หวัด อาการที่พบได้บ่อย และความรุนแรงที่ควรระวัง
ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค
โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น เช่น จมูก คอ ไซนัส และกล่องเสียง โดยเชื้อที่ก่อให้เกิดไข้หวัดมักเป็นเชื้อไวรัสชนิดไม่รุนแรง และสามารถหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์
อาการของโรค
ความรุนแรงของอาการจะมีมากในช่วง 2-3 วันแรก ก่อนจะค่อย ๆ ทุเลาลง ทั้งนี้โรคไข้หวัดมักมีอาการประมาณ 7-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
- เจ็บคอ
- น้ำมูกไหล
- คัดจมูก หายใจได้ไม่สะดวกเนื่องจากจมูกบวม และมีน้ำมูกอุดตันภายในจมูก
- ไอ (มีหรือไม่มีเสมหะก็ได้)
- จาม
- เสียงแหบ
- ไข้ต่ำ
แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค
อาศัยประวัติและการตรวจร่างกายผู้ป่วยเป็นหลัก
แนวทางการดูแลรักษา
พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ (พาราเซตามอล) ยาแก้ไอ เป็นต้น “ไม่มีข้อบ่งชี้ในการกินยาปฏิชีวนะ การกินยาปฏิชีวนะไม่ทำให้หายเร็วขึ้น แต่เพิ่มความเสี่ยงในการดื้อยาในอนาคต และมีความเสี่ยงในการแพ้ยา”
แพทย์เฉพาะทางแนะนำ
หู คอ จมูก, กุมารแพทย์ กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี
ข้อควรระวัง
อาการดังต่อไปนี้ ไม่เหมือนไข้หวัดธรรมดา หรือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดตามหลังการเป็นไข้หวัด ควรพบแพทย์
- ไข้สูงเกินกว่า 38.5 องศาเซลเซียส ติดต่อกันเกิน 5 วันขึ้นไป
- กลับมามีไข้ซ้ำหลังจากอาการไข้หายแล้ว
- หายใจหอบเหนื่อย และหายใจมีเสียงหวีด
- เจ็บคออย่างรุนแรง ปวดศีรษะ หรือมีอาการปวดบริเวณโหนกแก้ม หรือ บริเวณหัวคิ้ว
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.bangkokhospital.com/content/colds-always-hits