โรค แผลริมอ่อน (Chancroid) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร

วันที่โพสต์:
feature-image-blurfeature-image

เขียนโดย

แชร์บทความ

share-optionshare-optionshare-optionshare-option

มีแผลตรงอวัยวะเพศ เราเป็นโรคแผลริมอ่อน

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค

โรคแผลริมอ่อน (Chancroid) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อ Haemophilus Ducreyi ซึ่งทำให้เกิดแผลเปื่อยบริเวณอวัยวะเพศทั้งชายและหญิง ซึ่งอาจมีเลือดหรือของเหลวไหลออกมาจากแผล ทำให้สามารถแพร่เชื้อไปยังคู่นอนระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ทางปาก รูทวาร หรือช่องคลอดได้

อาการของโรค

โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการภายใน 4-7 วันหลังจากได้รับเชื้อ แต่อาการอาจแตกต่างกันไปในผู้ชายและผู้หญิง

อาการของโรคแผลริมอ่อนในผู้ชาย

อาการเริ่มต้นจะเป็นตุ่มนูนและมีอาการเจ็บมักจะเป็นบริเวณเส้นสองสลึง ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นแผลเปื่อยภายใน 1-2 วัน และแผลอาจก่อตัวขึ้นที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งของอวัยวะเพศก็ได้ ซึ่งรวมไปถึงองคชาต หรือถุงอัณฑะด้วย และเมื่อเกิดแผล ผู้ป่วยจะรู้สึกแสบร้อนที่บริเวณแผลมาก

อาการของโรคแผลริมอ่อนในผู้หญิง

ผู้หญิงอาจมีตุ่มสีแดง 4 เม็ดหรือมากกว่านี้บนแคมนอก ฝีเย็บ รูทวาร หรือขาหนีบ ทำให้มีอาการเจ็บแสบร้อน โดยเฉพาะเวลาสัมผัสหรือมีเพศสัมพันธ์ และเพราะแคมนอกเป็นรอยพับของผิวที่ปกคลุมอวัยวะเพศหญิงเอาไว้ หลังจากที่ตุ่มกลายมาเป็นแผลเปื่อยหรือแผลเปิดแล้ว ผู้ป่วยหญิงอาจรู้สึกแสบร้อน หรือเจ็บในระหว่างที่ขับปัสสาวะหรืออุจจาระร่วมด้วยได้

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค

โดยทั่วไปแพทย์สามารถวินิจฉัยได้จากการซักประวัติอาการ รวมถึงประวัติเพศสัมพันธ์ และการตรวจร่างกาย ซึ่งจะต้องตรวจดูแผลที่เกิดบริเวณอวัยวะเพศอย่างละเอียด ตรวจต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบ แต่ในกรณีที่อาการไม่แน่ชัด หรือลักษณะแผลก้ำกึ่ง แพทย์อาจส่งตัวอย่างหนองหรือน้ำจากแผลไปเพื่อเพาะเชื้อยืนยันการวินิจฉัยเพิ่มเติม ผู้ป่วยที่พบว่าตนเองเป็นโรคแผลริมอ่อน ควรตรวจเลือดหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ด้วย เช่น ไวรัสเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี และซิฟิลิส เป็นต้น รวมทั้งผู้ป่วยต้องแจ้งให้คู่นอนไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาเช่นเดียวกัน

แนวทางการดูแลรักษา

  • รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ โดยทั่วไปมักให้เป็นยาฉีด Ceftriaxone ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว หรืออาจใช้ยารับประทาน เช่น Azithromycin Ciprofloxacin ก็สามารถรักษาได้เช่นกัน โดยการให้ยาจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและบรรเทาอาการให้ดีขึ้นภายใน 7 วัน แต่สำหรับผู้ที่เกิดการติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วยอาจตอบสนองต่อยาได้ช้าลง
  • ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ
  • รับประทานยาแก้ปวดหากมีอาการปวดหรือแสบ
  • งดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ ในกรณีที่มีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตมากจนเป็นหนอง อาจต้องใช้เข็มดูดหนองออก และ ต้องรักษาคู่นอนของผู้ป่วยควบคู่กันไปด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้โรคเกิดซ้ำอีก หลังรักษาอาการจะดีขึ้นใน 3-7 วัน โดยระยะเวลาของการหายขึ้นกับขนาดของแผล แผลที่มีขนาดใหญ่อาจจะต้องใช้เวลาในการรักษา 2 สัปดาห์

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

ชาย อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ, หญิง สูตินรีแพทย์, กุมารแพทย์ โรคติดเชื้อ กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี

ข้อควรระวัง

แผลริมอ่อนอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดรอยทะลุของท่อปัสสาวะ (Urethral Fistula) และแผลเป็นที่หนังหุ้มปลาย โดยเฉพาะในผู้ชายที่ไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลายของอวัยวะเพศออก จึงควรมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคและให้การรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมเสมอ

ข้อมูลเพิ่มเติม

http://odpc3.ddc.moph.go.th/datacenter/communicate/know_condetail.php?id=32    https://www.cdc.gov/std/tg2015/chancroid.htm

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ

ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ (Oligomenorrhea)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โดยทั่วไป รอบเดือนแต่ละรอบของผู้หญิงจะห่างกันประมาณ 21 - 35 วัน ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ คือ ภาวะที่มีการขาดประจำเดือน หรือประจำเดือนมาห่างกว่าปกติ อาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และไม่ใช่สัญญาณอันตรายเสมอไป ส่วนใหญ่มักเกิดกับวัยรุ่นและผู้หญิงที่ใกล้เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ตัวอย่างสาเหตุประจำเดือนมาน้อยอื่นๆ ได้แก่ * การตั้งครรภ์ ผู้ที่ตั้งครรภ์อาจมีเลือดออกจากช่องคลอดแบบกะปริบกะปรอยในช่วงแรก จากนั้นจะขาดประจำเดือนไป หากมีความเสี่ยงตั้งครรภ์ควรทำการตรวจการตั้งครรภ์

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • อัณฑะอักเสบ (Epididymo-orchitis)

อัณฑะอักเสบ (Epididymo-orchitis)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โรคอัณฑะอักเสบมีสาเหตุส่วนใหญ่จากการติดเชื้อ โดยเชื้อที่พบบ่อยแบ่งเป็น 1. เชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่ผ่านมาทางท่อปัสสาวะ เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางโครงสร้างของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อปัสสาวะตีบ หรือการคาสายสวนท่อปัสสาวะ 2. เชื้อแบคทีเรียก่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อโดยไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย อาการของโรค * ปวดอัณฑะแบบค่อยๆ ปวดมากขึ้น * อัณฑะบวมข้างเดียว โดยมักจะมีอาการก่อนมาโรงพยาบาลหลายวัน * มีอาการปวดเวลาปัสสา

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • มะเร็งปากมดลูก (CA cervix)

มะเร็งปากมดลูก (CA cervix)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์สตรี เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในสตรีไทย และทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สาเหตุสำคัญของโรคนี้เกิดจากเชื้อ Human papilloma virus หรืออีกชื่อหนึ่งว่า เชื้อเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งอาจจะเคยได้รับเชื้อนี้แต่ร้อยละ 90 นั้นร่างกายสามารถกำจัดเชื้อออกไปได้เอง ขณะที่ผู้ที่ได้รับเชื้ออีกร้อยละ 10 ร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อได้หมด เชื้อนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อบริเ

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • สงสัยภาวะตั้งครรภ์ (Pregnancy)

สงสัยภาวะตั้งครรภ์ (Pregnancy)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค การตั้งครรภ์ (Pregnancy) คือ ภาวะที่เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างไข่กับอสุจิ แล้วได้ตัวอ่อนเกิดขึ้นมา ในการตั้งครรภ์ปกติ ตัวอ่อนจะไปฝังอยู่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก และตัวอ่อนจะแบ่งตัวและพัฒนาเป็นอวัยวะต่าง ๆ จนเจริญเติบโตเป็นทารก ซึ่งผู้หญิงโดยทั่วไปที่มีประจำเดือนปกติและมาสม่ำเสมอทุก ๆ 28 - 30 วัน จะตั้งครรภ์ประมาณ 40 สัปดาห์ หรือประมาณ 280 วัน นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งล่าสุด อาการของโรค * ประจำเดือนขาด * มีอาการแพ้ท้อง ปรากฏในช่วงตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6 สัปดาห์

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • การอักเสบของอุ้งเชิงกราน (Pelvic inflammatory disease)

การอักเสบของอุ้งเชิงกราน (Pelvic inflammatory disease)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ คือการติดเชื้อในอวัยวะสืบพันธุ์สตรี อันได้แก่ มดลูก ปีกมดลูก และรังไข่ ซึ่งมักจะเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเชื้อเหล่านี้จะแพร่กระจายจากช่องคลอดไปปากมดลูก และเข้าไปในอวัยวะอุ้งเชิงกรานคือมดลูกและเกิดการอักเสบที่รุนแรงตามมา ในหลายกรณีแพทย์อาจไม่สามารถวินิจฉัยได้ชัดเจนว่าเกิดจากแบคทีเรียชนิดใด อาจให้ยาปฏิชีวนะหลายชนิดในการรักษาเพื่อครอบคลุมในการฆ่าเชื้อที่อาจเป็นสาเหตุได้ทั้งหมด อาการของโรค * ปวดท้องช่วงล่าง หรือ ท้องน้อย * มีไข้ ในราย