อาการเจ็บคอคงจะเป็นอาการที่เราคุ้นเคยกัน โดยเฉพาะในช่วงสองปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะจาก โควิด 19 หรือ PM 2.5 แต่หนึ่งในอาการเจ็บคอที่น่ารำคาญและทรมานที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น อาการเจ็บคอที่ทำให้เรากลืนน้ำลายแทบไม่ได้เลย
คออักเสบคืออะไร ?
คออักเสบ หรือ Pharyngitis เป็นภาวะอักเสบหรือเป็นแผลในลำคอที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย โดยอาการคออักเสบอาจลามไปที่อื่นได้ จนทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น โรคฝีที่ทอนซิล, ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอหรือไตอักเสบ เป็นต้น
อาการเป็นยังไง?
อาการหลักๆที่เราคุ้นเคยของคออักเสบ คือ เจ็บคอ และ กลืนลำบาก และแน่นอนว่าต้องมีอาการไม่พึงประสงค์อื่นๆอีกมากมาย โดยสามารถแบ่งได้ 2 แบบคือ คออักเสบจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
คออักเสบจาก “เชื้อไวรัส”
คออักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสพบได้บ่อยมากกว่าคออักเสบจากแบคทีเรีย
นอกจากจะมีไข้ ปวดตัว ไอ จาม ปวดหัวทั่วไปแล้ว อาจมีอาการคอแดง จมูกแดง เสียงแหบ รวมไปถึงมีผื่นตามตัว และไวรัสบางชนิดอาจทำให้เกิดแผลร้อนใน ในปากได้
ผู้ป่วยเด็ก อาจมีอาการท้องร่วงร่วมด้วย
คออักเสบจาก “แบคทีเรีย”
นอกจากอาการมีไข้ ปวดหัว หนาวสั่นหรืออาการไม่สบายทั่วไปแล้ว อาจมีคอแดง มีจุดหรือแผ่นสีขาวหรือสีเทาบริเวณลำคอ รวมถึงทอนซิลโต มีจุดสีขาวและต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอบวม หรือกดแล้วรู้สึกเจ็บ
ผู้ป่วยเด็ก อาจมีปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
สาเหตุใกล้ตัวที่อาจทำให้เกิดคออักเสบได้
- มีสิ่งที่ทำให้เกิดการระคายเคืองภายในลำคอ
- กล้ามเนื้อในลำคอตึง
- อาการแพ้ หรือเป็นโรคภูมิแพ้
- กรดไหลย้อน
- ติดเชื้อบริเวณไซนัสบ่อย ๆ
- สูบบุหรี่ หรืออยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่แล้วได้รับควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกาย
แล้วมันอันตรายยังไง..?
อันตรายเนื่องจากคออักเสบสามารถลามไปบริเวณอื่นได้ และสามารถทำให้เกิดภาวะหรือโรคแทรกซ้อนมากมาย เช่น อาการติดเชื้อในหู หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ เกิดฝีในบริเวณใกล้ ๆ กับทอนซิล ไข้ออกผื่นในเด็ก และไตอักเสบ เป็นต้น
คออักเสบหายเองได้มั้ย?
โดยเฉพาะอาการคออักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งมักจะไม่มียารักษาโดยเฉพาะ จึ่งต้องรอให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายสร้างมาเพื่อฆ่าไวรัสเอง แต่ถ้าเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียจะสามารถทานยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียช่วยฆ่าเชื้อโรคร่วมด้วยได้
แต่หากเป็นคออักเสบเรื้อรัง อาจใช้เวลาหลายอาทิตย์กว่าจะสามารถหายได้เอง
ซื้อยากินเองได้หรือเปล่า?
เนื่องจากคออักเสบอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือ แบคทีเรีย ซึ่งอาจมีอาการที่คล้ายกัน ต่างกันเล็กน้อย เพราะฉะนั้นหากไม่มั่นใจในอาการ สามารถใช้ Agnos application เพื่อทำการวิเคราะห์อาการเบื้องต้น รวมทั้งปรึกษาแพทย์โดยไม่ต้องออกจากบ้าน เพื่อความมั่นใจในอาการและหาแนวทางรักษาโรคนั่นเอง
ข้อแตกต่างระหว่างสาเหตุนี้ คือ
- แบคทีเรีย : มีไข้สูง
- แบคทีเรีย : คอมีจุดสีแดงหรือรอยขาวหรือรอยสีเทาขึ้น
- แบคทีเรีย : มีอาการคอบวมกดแล้วจะไม่เจ็บ
- ไวรัส : อาจมีร้อนใน
- ไวรัส : ผื่นขึ้น
โดยหากแน่ใจอาการ สามารถซื้อยามากินตามอาการได้
(ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ)
สำหรับผู้ป่วยคออักเสบจากไวรัส
สามารถใช้ยาแก้ปวดหรือยาลดไข้ และยาตามอาการต่างๆ เช่น ยาพาราเซตามอล ไอบูโพรเฟน (สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น)
สำหรับผู้ป่วยคออักเสบจากแบคทีเรีย
สามารถใช้ยาปฏิชีวนะป้องกันโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ยาเพนนิซิลิน ยาอะม็อกซี่ซิลิน เป็นต้น
หากหยุดยาเองเพราะคิดว่าอาการดีขึ้นจะทำให้ไม่หายขาดและ เกิดการดื้อยา
คออักเสบสามารถป้องกันได้ !
- ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ โหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อ หรืออยู่ใกล้กับผู้ป่วย
- ไม่ใช้ภาชนะ หรืออุปกรณ์ในการดื่มกินอาหารร่วมกับผู้อื่น
- ไม่สูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่กำลังสูบบุหรี่ เพื่อไม่ให้รับควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกาย
คออักเสบสามารถแพร่ไปหาสู่ผู้อื่นได้ หากใครกำลังสงสัยว่าตัวเองกำลังจะเป็น แต่ก็ยังไม่แน่ใจ สามารถใช้ Agnos application เพื่อวิเคราะห์และสอบถามคุณหมอก่อน เพื่อความมั่นใจในร่างกายตัวเอง และหยุดยั้งการแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นนั่นเอง
อ้างอิง :
https://www.pobpad.com
https://www.petcharavejhospital.com
http://medicine.swu.ac.th/msmc/?p=2030